[Review] Scream the TV Series เมื่อเสียงหวีดจากยุค ’90 กลับมาดังลั่นในปี 2015

สวัสดีครับผู้อ่านบล๊อคของผมทุกท่าน วันนี้ผมก็จะมารีวิวซีรีส์ใหม่อีกแล้วครับ ซึ่งคราวนี้เป็นซีรีส์จากช่อง MTV ที่เพิ่งออกอากาศไปได้ 2 ตอน (ณ วันที่ 14/7/2558) อย่างเรื่อง Scream the TV Series ซึ่งหลายคนก็คงจะคุ้นๆกับหนังที่ชื่อเรื่อง Scream กันนะครับ ส่วนใครที่ไม่รู้จัก เดี๋ยวเรามาปูพื้นฐานเพื่อรู้จัก Scream หวีดสยองสุดขีดกันก่อนนะครับ แล้วเราจะมาพูดถึงตัวซีรีส์กันว่ารายละเอียดจะเป็นยังไง ว่าแล้วก็อ่านต่อกันยาวๆเลยครับ

ghostface (1)

Scream นั้นเป็นหนังแนว Horror/Slasher ผลงานของผู้กำกับ Wes Craven ที่ดังติดลมบนในปี 1996 และทำภาคต่อออกมาเรื่อยๆจนมีทั้งหมด 4 ภาค ในสมัยนั้นถ้าใครเกิดทันเนี่ย หนังแนว Slasher แบบฆาตกรไล่ฆ่าคนที่ดังๆก็คงจะเป็น Texas Chainsaw Massacre, I Know What You Did Last Summer และ Scream เองก็ดังไม่แพ้กัน จนถึงขั้นที่ว่าหนังตลกสุดจี้อย่าง Scary Movie ยังต้องเอาไปล้อกันเลยทีเดียว ซึ่งเนื้อเรื่องของ Scream ก็จะเป็นคนใส่หน้ากากผีสีขาวที่เราเรียกกันว่า Ghost Face ตามไล่ฆ่าตัวละครในเรื่องไปเรื่อยๆจนจบ ใครรอดไม่รอดก็ว่ากันไปตามแต่ละภาค

new-scream-mask
หน้ากากของฆาตกรแบบใหม่ที่ใช้ในซีรีส์

สำหรับ Scream the TV Series นั้น จะเป็นการ Reboot เนื้อเรื่องขึ้นมาใหม่ แม้แต่หน้ากากผี Ghost Face ในตัวซีรีส์เองก็จะมีการเปลี่ยนใหม่ โดยซีรีส์จะเล่าถึงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า Lakewood โดยเมืองนี้มีตำนานเรื่องของฆาตกรหน้าตาอัปลักษณ์หลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Daisy และเค้าก็ก่อคดีฆ่าคนและถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยตำรวจ ซึ่งเรื่องราวก็เกิดมาได้ 20 ปีแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่ง Nina Patterson (แสดงโดย Bella Thorne) ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม และการหายตัวไปอย่างลึกลับของ Tyler O’Neil (แสดงโดย Max Lloyd-Jones) จึงทำให้ชีวิตของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในเมือง Lakewood ต้องเปลี่ยนไป Emma Duval (แสดงโดย Willa Fitzgerald) นางเอกของเรื่องที่มีแม่เป็นแพทย์ฝ่ายชันสูตรศพ เธอถูกคุกคามจากใครบางคนและตัวเธอเองยังกุมความลับที่บอกใครไม่ได้ไว้ด้วย

Bella Thorne ผู้รับบท Ninan Patterson
Bella Thorne ผู้รับบท Ninan Patterson
Max Lloyd-Jones ผู้รับบท Tyler O'Neil
Max Lloyd-Jones ผู้รับบท Tyler O’Neil

ส่วนอีกตัวละครที่สำคัญกับเรื่องก็คงจะเป็น Audrey Jensen (แสดงโดย Bex Taylor-Klaus) เลสเบี้ยนสาวที่ถูกถ่ายคลิปกำลังพลอดรักกับแฟนสาว ถูกอัพโหลดขึ้นไปยัง Youtube เธอเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร และมักจะพกกล้องวิดีโอถ่ายสิ่งต่างๆอยู่เสมอ แต่เธอก็เป็นเพื่อนกับ Emma และ เพื่อนชายสุด Geek อีกคน Noah Foster (John Karna) เค้าชื่นชอบในบันเทิง Hollywood และยังชอบตำนานฆาตกรของเมือง Lakewood ด้วย แต่ถึงเค้าจะเป็นคนแปลกๆแต่ก็ดูจะไม่มีพิษภัยอะไร เหล่าตัวละครจึงจะต้องผจญไปกับเรื่องราวแปลกๆที่เกิดขึ้น ใครคือฆาตกรที่แท้จริง หรือว่า ฆาตกรที่เป็นตำนานของเมือง Lakewood อาจจะยังไม่ตาย ผมแนะนำว่าให้ติดตามดูกันเองไปเรื่อยๆดีกว่าครับเพราะผมเองก็ยังไม่รู้ [หัวเราะ] สำหรับการแนะนำตัวละครหลักๆที่น่าสนใจก็จะมีประมาณนี้ครับ จริงๆมีเยอะกว่านี้ แต่ถ้าจะให้อธิบายครบทุกคนบล๊อกผมคงอาจจะยาวเป็นสองตอน ซึ่งก็กลัวคนอ่านจะเบื่อกันซะก่อน

Screenshot (1030)
Willa Fitzgerald ผู้รับบทเป็น Emma Duval

สิ่งที่ Scream the TV Series ต้องการจะนำเสนอนั้น คงหนีไม่พ้นปัญหาของวัยรุ่น วัยว้าวุ่นเนี่ยแหละครับ เราคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาความรุนแรงภัยในโรงเรียน การข่มเหงกัน หรือ Bullying นั้นเป็นปัญหามากในสังคมของวัยรุ่นในอเมริกา(อาจรวมถึงประเทศไทยด้วย) หลายคนโดนทั้ง Bully ในชีวิตจริงเพราะอาจจะเป็นคนแปลกหรือแตกต่าง หรือบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่าง Cyberbullying ที่ตัวละครอย่าง Audrey ต้องเจอ และการไม่ยอมรับหรือมองว่าคนรักเพศเดียวกันเป็นตัวประหลาดด้วย ซึ่งแน่นอนครับปัญหาแบบนี้มันอาจจะก่อตัวขึ้นจนทำให้เกิดการทำร้ายตัวเอง หรือแม้แต่การทำร้ายหรือฆ่าแกงผู้อื่นได้ และการใช้ Social Media อย่างมีสติ ไม่รุกรานสิทธิของผู้อื่น ซึ่ง Scream the TV Series ต้องการสื่อและถ่ายทอดออกมาได้ดีครับ

(ซ้าย) John Karna รับบทเป็น Noah Foster (ขวา) Bex Taylor-Klaus รับบทเป็น Audrey Jensen
(ซ้าย) John Karna รับบทเป็น Noah Foster (ขวา) Bex Taylor-Klaus รับบทเป็น Audrey Jensen

แน่นอนครับถึงข้อดีในเรื่องการนำเสนอปัญหาของวัยรุ่นมารวมกับความเป็นซีรีส์แนว Horror/Slasher ได้ก็จริง แต่จุดอ่อนใหญ่ๆของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็คือการแสดงของนักแสดง เนื่องจากนักแสดงในเรื่องนั้นแทบจะมือใหม่เลยก็ว่าได้ เพิ่งจะผ่านงานด้านซีรีส์หรือหนังกันน้อยมากๆ จึงทำให้การแสดงของบางคนก็ราบเรียบเป็นท่อนไม้ ผมไม่รู้สึกถึงอารมณ์ที่ส่งมาในบางที นักแสดงบางคนก็แสดงซะล้นจนรู้สึกว่ามันดูเหมือนการ์ตูนเกินไปบางที ซึ่งก็หวังว่านักแสดงจะมีการพัฒนาฝีมือทางการแสดงยิ่งๆขึ้นไป ข้อเสียอีกเรื่องคืออารมณ์กดดันเวลาฆาตกรล่าเหยื่อมันช่างเบาบางเหลือเกิน พยายามบิลด์อารมณ์ให้คนดูขึ้นไปเรื่อยๆเสร็จก็ทิ้งวูบ จนคนดูเฉยๆ ก็ปล่อยฆาตกรแว้บออกมา ซึ่งผมรู้สึกว่าตรงนี้ยังเป็นจุดอ่อนอยู่ สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ตัวผมเองคงจะดูต่อไปเรื่อยๆครับ เพราะมันก็กล้อมแกล้มระหว่างรอ Scream Queens ได้อยู่เหมือนกัน สำหรับสุดท้ายนี้ผมก็อยากฝากไว้ว่า คนเราทุกคนนั้นเป็นสีเทา ไม่มีใครดีหรือชั่ว 100% เหมือนกับตัวละครในเรื่องที่มีความลับ อาจจะเคยทำผิดพลาด อยากเปลี่ยนแปลง หรือมีแรงจูงใจรองรับในการทำสิ่งต่างๆ เพราะงั้นเราอย่าตัดสินใครโดยผิวเผิน หรือทำร้ายใครคนหนึ่งด้วยความสนุก เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์อาจจะไม่สนุกและเราต้องรู้สึกผิดตลอดไปก็ได้ครับ [8/10]

ใส่ความเห็น